วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

กินอย่างไรให้ยิ้มสวย



            เราทุกคนทราบดีว่าสารอาหารที่เหมาะสมจะช่วยสร้างร่างกายที่แข็งแรง รวมไปถึงฟันและเหงือก แต่ไม่ใช่แค่น้ำตาลหรือของหวานที่ไม่ดีกับฟัน

            อาหารมีประโยชน์บางอย่างก็อาจทำให้ฟันผุกร่อนได้ ในขณะที่อาหารบางประเภทจะช่วยป้องกันโรคเหงือกและฟัน แม้แต่ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นได้ด้วยซ้ำ


กินคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารเท่านั้น
            ขนมปังโฮลวีตหรือมันฝรั่งทอดกรอบก็อาจไม่ได้ดีกว่ากันไปเท่าไร อาหารจำพวกแป้งมักจะติดเกาะอยู่ในช่องว่างระหว่างฟันหรือบริเวณเหงือก จากนั้นก็จะแตกตัวเป็นน้ำตาล กลายเป็นสารอาหารให้แบคทีเรีย และทำให้เกิดคราบซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคเหงือกและอาการฟันผุ
            American Dietetic Association จึงแนะนำให้คุณกินคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารใหญ่ๆ ดีกว่า เพราะในเวลานั้นเราจะหลั่งน้ำลายออกมามาก เศษอาหารจึงถูกชะล้างไปโดยง่ายดาย

ดื่มชา
            ทั้งชาดำและชาขาวมีสารโพลีเฟอนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชที่ช่วยป้องกันไม่ให้คราบหินปูนมาเกาะที่ฟัน จึงช่วยลดโอกาสเกิดฟันผุหรือโรคเหงือก นอกจากนี้ มันยังมีสามารถลดกลิ่นปากด้วยคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของกลิ่น แถมชาส่วนใหญ่ยังมีฟลูออไรด์ที่ได้มาจากใบชา จึงมีประโยชน์ปกป้องเคลือบฟันด้วยเหมือนกัน

กินวิตามินซีให้เพียงพอ
            วิตามินซีเปรียบเสมือนปูนที่เชื่อมเซลล์ต่างๆ เข้าด้วยกัน มันจำเป็นต่อผิวเช่นเดียวกับเนื้อเยื่อของเหงือก จากการศึกษาของ State University of New York University เปิดเผยว่า คนที่กินวิตามินซีน้อยกว่า 60 มิลลิกรัมต่อวัน จะมีโอกาสเป็นโรคเหงือกสูงกว่าคนที่กิน 180 มิลลิกรัมหรือมากกว่า ถึง 25%
            Try : พริกหวาน บร็อกโคลี่ สตรอวเบอร์รี่ กะหล่ำปลีต้ม มะละกอ ผักขม ส้ม กีวี ผักคะน้า แคนตาลูป หน่อไม้ฝรั่ง

กินแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
            ประมาณ 99% ของแคลเซียมในร่างกายจะอยู่ในกระดูกและฟัน แคลเซียมจะใช่วยให้กระดูกอัลวีโอลาร์ในขากรรไกรแข็งแรง ซึ่งจะทำให้ฟันติดตรึงอยู่กับที่เป็นระดับ และช่วยลดโอกาสเป็นโรคเหงือก ปริมาณที่แนะนำคือ 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 50 ปี และ 1,200 มิลลิกรัม สำหรับคนที่อายุมากกว่า 50 ปี
            Try : โยเกิร์ต นม ชีส ปลาแซลมอน ข้าวโอ๊ต เต้าหู้ มัสตาร์ด อัลมอนด์ ขนมปังโฮลวีต


สิ่งเล็กๆ ที่ช่วยคุณได้


            ไซลิทอล – สารแทนน้ำตาลที่พบได้ทั่วไปในหมากฝรั่ง มีการศึกษามากมายที่บ่งบอกว่ามันช่วยป้องกันฟันผุ
            แครนเบอร์รี่ และเห็ดหอม – อาหารทั้งสองอย่างมีสารเคมีที่ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดกับฟัน
            ผักกรอบๆ อย่างเช่น แครอท – จะช่วยชะเอาเศษอาหารและคราบหินปูนออกมา

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากLisa

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

5 วิธีกินล้างพิษให้ตัวเบา




                พฤติกรรมการกินเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดพิษในร่างกาย การเลือกกินแต่อาหารที่ชอบและถูกปาก จึงทำให้อาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ รวมทั้งวัตถุปรุงอาหารจำนวนมาก ตกค้างอยู่ในร่างกาย และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสารพิษในระบบย่อยอาหาร ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สารพิษเกิดขึ้น เราจึงต้องดูแลตัวเองด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ในการ้างพิษที่ช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรง และทำได้ไม่ยากเลย

1. ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาว 
                ลองเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้วผสมกับน้ำมะนาวครึ่งซีกและพริกป่นอีกหยิบมือหนึ่ง หรือจะใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยด้วย ก็ได้ถ้าคุณชอบ รสเปรี้ยวของมะนาวจะกระตุ้นน้ำย่อยและการปล่อยน้ำดีจากตับ ส่วนพริกป่นก็กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารและเร่งอัตราการเผาผลาญ รวมทั้งช่วยขับสารพิษจากเซลล์ไขมัน ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการขับเคลื่อนของร่างกายในวันใหม่อย่างเหมาะสม

2. จดบันทึกสิ่งที่กินในแต่ละวัน 
                หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าเหนื่อยล้ากับการทำงานที่ผ่านมา ไม่รู้สึกสดชื่นเหมือนเก่า โรคภัยก็คอยรุมร้าเข้าทำนอง 3 วันดี 4 วันอย่างนั้นแล้ว ก็ให้เริ่มต้นมองหาสิ่งที่สัมพันธ์กับอาการโดยแบ่งเวลาสักวันละ 2-3 นาทีมาบันทึกกิจกรรมประจำวันรวมถึงอาการกิน ว่าคุณกินอะไรไปบ้างทุก ๆ 2 สัปดาห์ และทบทวนดูว่าอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณเสี่ยงหรือกระตุ้นให้คุณเกิดโรคต่าง ๆ และช่วยยับยั้งการกำเริบของโรคได้ อีกทั้งยัง เป็นคู่มือที่ทำให้คุณได้รู้ด้วยว่า ร่างกายของคุณ สารอาหารตัวไหนมีประโยชน์ เพื่อจะได้หามากินและดูแลสุขภาพตัวเองได้ถูกวิธีมากยิ่งขึ้น

3. ดื่มน้ำผลไม้ล้างพิษ
                การดื่มน้ำผักและผลไม้สามารถล้างพิษสะสมในร่างกาย เพิ่มพลังงานเติมความสดชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีนี้คุณต้องดื่มน้ำผักหรือน้ำผลไม้แบบแยกกากเพียงอย่างเดียว ห้ามผสมน้ำตาลหรือเกลือ แต่อนุญาตให้ผสมน้ำเปล่าได้ในกรณีที่รสชาติเข้มข้นเกินไป ในช่วงนี้ต้องงดอาหารชนิดอื่นในช่วง 1-5 วัน(แล้วแต่ว่าจะเลือกทำกี่วัน) วิธีนี้ทำได้ค่อนข้างง่าย แต่ไม่แนะนำให้ทำติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจเกิดอาการอ่อนเพลียและอ่อนแอ เนื่องจากขาดโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตได้

4. กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง 
                มีหลักฐานมากมายบ่งชี้ว่าการกินเนื้อแดง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก เบคอน และกุนเชียง หมูยอ แหนม ฯลฯ มากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะสารประกอบตัวร้ายที่ชื่อว่า เอมีน อาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอในเยื่อบุทางเดินอาหาร อันเป็นขั้นแรกของการก่อให้เกิดมะเร็ง กองทุนวิจัยด้านมะเร็งของโลกรายงานว่า การกินเนื้อสัตว์แปรรูปมากกว่าอาทิตย์ละ 5 ครั้ง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้สูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงควรกินเนื้อแตงไม่เกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์ และกินเนื้อสัตว์แปรรูปแค่นานๆ ครั้งก็พอ

5. ล้างผักผลไม้ทุกครั้งก่อนกิน 
                ผักผลไม้มีประโยชน์แต่ก็อาจทำให้เกิดโทษได้ เพราะปัจจุบันมีการเก็บเกี่ยวพืชผักก่อนเวลาสลายตัวของยาฆ่าแมลง ทำให้ร่างกายสะสมสารตกค้างเหล่านี้ไว้ โดยเฉพาะคนที่กินผักหรือผลไม้ซ้ำๆ กัน จะได้รับสารเคมีตัวเดิมเพิ่มปริมารมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งเชื้อโรคและพยาธิชนิดต่างๆ วิธีที่ดีที่สุดคือ การกินผักและผลไม้ให้หลากหลาย ควบคู่ไปการล้างผักผลไม้ให้สะอาด ก็ช่วยให้เราได้กินอาหารที่ปลอดภัยและลดสารพิษตกค้างในร่างกายได้

                                                      ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของนิตยสาร Modern Mom

8 อาหารทำให้ "ง่วงนอนตลอดเวลา"


คุณเคยส่งสัยตัวเองบ้างไหมค่ะว่าทำไมถึงได้มีอาการง่วงนอนตลอด เวลาไม่ว่าจะ ทำอะไรก็ตาม นั้นคุณลองสังเกตตัวเองดูนะค่ะว่าได้กินอาหารที่มีสาเหตุของการง่วงนอนตลอดเวลาบ้างรึเปล่าค่ะ



               1. กาแฟ ดื่มกาแฟตอนเช้าโดยที่กระเพาะอาหารยังว่างเปล่าจะทำให้ง่วงได้ เพราะหลังจากดื่มกาแฟได้ 30 นาที กาเฟอีนจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่สมองส่งผลให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังสมองถูกสกัดกั้นแล้วความง่วงก็จะตามมา

               2. กล้วย เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็วช่วยสลายความเครียด ฮอร์โมนเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟรินจากกล้วยจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข แต่ถ้ารับประทานกล้วยมากเกินไปจะทำให้เราเกียจคร้านและไม่อยากขยับเคลื่อนไหวร่างกาย

               3. ช็อกโกแลต สาร Phenylethylamine ในช็อกโกแลตจะทำให้ง่วงนอน ดังนั้น ช็อกโกแลตจึงเปรียบเสมือนยาที่ช่วยให้นอนหลับและถ้าหากมีโกโก้ในปริมาณสูงก็จะทำให้รู้สึกมีความสุข

               4. ครัวซองต์ หากรับประทานครัวซองต์ 2-3 ชิ้นจะรู้สึกง่วงนอน เพราะครัวซองต์มีปริมาณแป้งขัดขาวมากและอุดมไปด้วยไขมันอีกด้วยซึ่งไขมันจำเป็นต้องใช้พลังงานในการย่อย ดังนั้น เมื่อรับประทานครัวซองต์เข้าไปร่างกายก็จะดึงเลือดจากสมองไปที่กระเพาะเป็นจำนวนมากเมื่อสมองมีเลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอก็จะทำให้ง่วงนอน หากคุณต้องทำงานเร่งด่วนก็ควรรับประทานครัวซองต์ได้แค่ชิ้นเล็กๆ หนึ่งชิ้น

               5. ขนมปังขาวและข้าวขาว อาหารทุกชนิดที่ทำมาจากแป้งขัดขาวเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้ง่วง เหตุผลก็คือ มันเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วนจึงทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามาก จึงทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและทำให้ง่วงนอน

               6. ถั่วเปลือกแข็ง มีกากใยอาหารมากซึ่งจะไปชะงักกระบวนการย่อยอาหารและยังถูกส่งต่อไป ยังลำไส้ ใหญ่โดยไม่ได้ย่อย และกระตุ้นแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่มีหน้าที่จัดการกับกากใยอาหาร ผลก็คือทำให้ท้องอืดเฟ้อและง่วงนอนโดยเฉพาะถ้ารับประทานถั่วผสมเกลือก็จะ ทำลายวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบีซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า

               7. ของหวาน เช่น ขนมหวาน เค้ก คุกกี้ เครื่องดื่มหวานๆ น้ำตาล ทำให้ง่วงนอนและยังเป็นตัวแย่งวินามินบีไปจากร่างกายเราด้วย เช่น วิตามินบี 1 บี 3 บี 6 และกรดโฟลิก และเมื่อร่างกายขาดแคลนวิตามินดังกล่าวก็จะทำให้เรี่ยวแรงถดถอยจึงส่งผลให้รู้สึกง่วง

               8. ผลิตภัณฑ์นมหรือโยเกิร์ต เป็นอาหารที่มีประโยชน์แต่ถ้ารับประทานโยเกิร์ตเข้าไปมากก็จะทำให้ร่างกาย ได้รับแคลเซียมและโปรตีน แต่ในขณะเดียวกันโปรตีนที่ว่านี้ก็จะแยกกรดอะมิโนจากร่างกายซึ่งจะส่งผลให้มีกรดมากเกินในร่างกายและทำให้ง่วงตลอดเวลา

ขอขอบคุณข้อมูลจากLisa